หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

วัฒนาธรรม ประเพณี ของชาวอำเภอปง

วัฒนธรรม ประเพณี ของชาวอำเภอปง

         สืบเนื่องมาจากสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้แนะนำ  เราต้องรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีของคนในท้องถิ่นเพื่อทำให้มีความกลมกลืนในท้องถิ่น และสิ่งอื่นที่ขาดไม่ได้ในอำเภอปงที่เป็นประเพณี วัฒนธรรม อันยาวนาน คือการรดน้ำดำหัว การส่งเคราะห์ของหมู่บ้าน  ที่ลูกหลานที่ทำงานต่างถิ่นต่างแดนได้มาแสดงความกตัญญูแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือ


“สูเจ้าตั้งหลายก็บ่ละเสียยังฮีต บ่อรีดเสียยังป๋าเวณี  ก็ยังได้น้อมนำมายังมะธุบุบผาลาจาดวงดอกเข้าตอกดอกไม้ลำเตียน และสุคันโธตะกะ อัมภิโรตะกะ สัปป๊ะวัตถุนานาตังหลาย มาสะมาคาระวะยังต๋นตั๋วแห่งผู้ข้า ”
           เมื่อวันที่ 15 เมษายน ของทุกปีมาถึง ซึ่งชาวล้านนาจะเรียกวันนี้ว่า “ วันพญาวัน ” วันนี้ถือเป็นวันเริ่มจุลศักราชใหม่ ช่วงเช้าผู้คนจะถือตุงไปปักไว้บนกองทรายที่ชาวบ้านช่วยกันขนมาไว้ ทำบุญฟังเทศฟังธรรมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ หลังจากเข้าวัดเสร็จเรียบร้อยแต่ละบ้านจะเดินสายรดน้ำดำหัวขอพรพ่อแก่แม่เฒ่าผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้านโดยแต่ละบ้านจะตระเตรียมน้ำขมิ้นส้มป่อย ข้าวตอกดอกไม้ ธูป เทียน ใส่ในขันสลุงบ้างก็เตรียมเสื้อผ้า ขนมนมเนย สิ่งของเครื่องใช้ เพื่อจะไปรดน้ำดำหัวของพรพ่ออุ้ย แม่อุ้ย ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ตนเคารพนับถือ
www.phayao108.com


                เอวัง โหนตุ ดีและ อัจจะในวันนี้ ก็หากเป๋นวันดี ดิถีอันวิเศษเหตุว่าสังขารปี๋เก่าก็ล่วงป๊นไปแล้ว ปี๋ใหม่แก้วพญาวันก็มาจุจอดรอดเถิงแก่บรรดาลูกหลานตังหลาย บัดนี้หมายมี…(ออกชื่อ)… เจ้าก็บ่ละเสียยังฮีต บ่อรีดเสียยังป๋าเวณี เจ้าตังหลาย ก็ยังได้น้อมนำมายังมะธุบุบผาลาจาดวงดอกเข้าตอกดอกไม้ลำเตียน และสุคันโธตะกะ อัมภิโรตะกะ สัปป๊ะวัตถุนานาตังหลาย มาสะมาคาระวะยังต๋นตั๋วแห่งผู้ข้า บัดนี้ผู้ข้าก็มีธัมมะเมตต๋า ปฏิคะหะ รับเอาแล้ว ว่าสันนี้แต๊ดีหลี
                 แม่นว่าเจ้าตังหลายได้ออกปากล้ำกำเหลือ ขึ้นตี้ต่ำ ย่ำตี้สูง ปะมาต๊ะ ด้วย ก๋ายะกั๋มมัง วจี๋กั๋มมัง มะโนกั๋มมัง สังจิตจะ อสังจิตจะก็ดี ผู้ข้าก็ขออโหสิกรรม อย่าได้เป๋นนิวรณ์ธรรมกั๋มอันแก่กล้าอัน ตัดห้ามเสียยังจั้นฟ้าและเนรปาน แม่นว่าเจ้าตังหลายจักไปจตุทิสสะ อัฐฐะทิสสะ วันตกวันออก ขอกใต้หนเหนือ ค้าขายลายล่อง ท่องบ้านแอ่วเมือง และอยู่ยังบ้านจองหอเฮือน ดั่งอั้นก็ดีขอจุ่งหื้อจุ่มเนื้อเย็นใจ๋ ภัยยะอย่ามี ตึงเมื่อหลับเมื่อตื่น เมื่อยืนเมื่อนั่งเป๋นตี้รักจ๋ำเริญใจ๋แก่หมู่คนและเตวดาตังหลาย แล้วจุ่งหื้อก้านกุ่งรุ่งเรือง ไปด้วยโภคะ ธนะ ธนัง เข้าของเงินคำ สัมปะติตังหลาย แม่นจักกิ๋นก็อย่าหื้อผลาญ แม่นจักตานก็อย่าหื้อเสี้ยง หื้อมีอายุตีฆาหมั้นยืนยาวนั้น เตี้ยงแต๊ดีหลี
                 สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ มาเต ภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ อภิวาทะนะสี ลิสสะนิจจัง วุฒฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฒฑันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง….
                  เมื่อให้พรเสร็จก็จะวักเอาเอาน้ำเข้ามิ้นส้มป่อยที่ลูกหลานนำมา ลูบหน้าลูบหัว บางที่พ่ออุ้ยแม่อุ้ยก็จะมัดมือให้ด้วย ถือเป็นการรดน้ำดำหัวตามจารีดประเพณีล้านนาบ้านเฮา

www.phayao108.com
                







แหล่งที่มา : www.phayao108.com 






วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

ต้นกำเนิดแม่น้ำยม

ต้นกำเนิดแม่น้ำยม




               แม่น้ำยมเกิดจากลำน้ำ 2 สาย คือ ลำน้ำควรและลำน้ำงิม  ลำน้ำควร เกิดจากลำน้ำคางและลำน้ำปุก ไหลมาบรรจบกันที่บ้านนาอ้อม ตำบลขุนควร เรียกว่าลำน้ำควร   ลำน้ำงิม เป็นลำน้ำที่ต้นกำเนิดมาจากดอยภูลังกาไหลผ่านตำบลงิม จึงเรียกว่าลำน้ำงิม  ลำน้ำควรและลำน้ำงิมไหลมาบรรจบกันที่เขตติดต่อระหว่างบ้านบุญยืน หมู่ที่ 3 ตำบลนาปรัง กับบ้านเหล่า หมู่ที่ 9 ตำบลควร อำเภอปง จังหวัดพะเยา เรียกว่าแม่น้ำยม มีความยาวประมาณ 700 กิโลเมตร กระแสน้ำไหลผ่านที่ราบสูงของ จังหวัดแพร่  สุโขทัย  พิษณุโลก และ พิจิตร ไปบรรจบกับแม่น้ำน่านที่ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสงจังหวัดนครสวรรค์ ก่อนแม่น้ำน่านจะไปรวมกับแม่น้ำปิง ที่ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เกิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา  แม่น้ำสายสำคัญของพื้นที่ราบลุ่ม ภาคกลางของประเทศไทย






                แม่น้ำยมถือว่าเป็นแม่น้ำสายสำคัญสายหนึ่งที่หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตของผู้คนริมสองฝั่งน้ำมาหลายชั่วอายุคนเป็นแหล่งที่ทำให้ก่อเกิดวิถีวัฒนธรรม ประเพณีที่ดีงามสืบทอดต่อๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่น   วันนี้พะเยา108  ได้มีโอกาสเดินทางมาเยือนอำเภอปง อำเภอที่เป็นต้นกำเนิดของสายน้ำยมได้เห็นความงามของสายน้ำ ได้เห็นความงามของวิถีชุมชนริมสองฝั่งน้ำ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาของชุมชนตามยุคสมัย แต่มนต์เสน่ห์ความงามในการดำเนินชีวิตของผู้คนยังคงดำรงอยู่ดังที่บรรพบุรุษได้เคยถือปฏิบัติมา ถ้าท่านมีโอกาสเดินทางมาเยือนอำเภอปงจังหวัดพะเยาอย่าพลาดที่จะแวะมาชมความงามของต้นกำเนิดแม่น้ำยมต้นกำเนิดของแม่น้ำที่มีความเป็นมายาวนาน  แม่น้ำที่เป็นต้นกำเนิดของวิถีวัฒนธรรมของผู้คนกับสายน้ำ


แม่น้ำยม

แม่น้ำยมกับวิถีแห่งการเปลี่ยนแปลง





แหล่งที่มา : http://www.phayao108.com/wp-content/uploads/2014/111.jpg



ถ้ำผาตั้ง

ถ้ำผาตั้ง

            
            ประมาณปี 2511 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ได้จัดตั้งเขตงานขึ้นในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดพะเยาและจังหวัดน่าน ที่บริเวณดอยผาจิ เรียกว่าเขตงาน 24/1 ปฏิบัติงานในพื้นที่อำเภอเชียงคำ อำเภอปงอำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา อำเภอท่าวังผา กิ่งอำเภอบ้านหลวง (ปัจจุบันได้เป็นอำเภอแล้ว) จังหวัดน่าน โดยมี ศูนย์กลางเขตงานอยู่บริเวณดอยผาจิ ดอยผาช้างมีฐานที่มั่นสำคัญคือ สำนักเขต 2 ดอยน้ำสาว มีกำลังประมาณ 350 คน เมื่อปี 2520 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเขตงาน 7 การวางกำลังฐานที่มั่น มีโรงเรือนปลูกสร้างอยู่สองข้างลำน้ำสาย มี บก. เขตงานอยู่บริเวณดอยผาจิ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 3 ได้จัดกองกำลังจากกองพลทหารม้าที่ 1 พตท. 31 ร้อย อสจ. น่าน ทหารพรานจากค่ายปักธงชัยจังหวัดนครราชสีมา เข้าทำการ กวาดล้าง ผกค. เขตงานที่ 7 บริเวณดอยผาจิ ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2525 - 4 พฤศจิกายน 2525 สามารถยึดฐานที่มั่นของ ผกค. เขตงานที่ 7 ได้ทั้งหมด มวลชนและ ผกค. บางส่วนเข้ามามอบตัวและยินดีที่จะปฏิบัติตัวภายใต้กฎหมายและข้อบังคับของทางราชการ ต่อมาทางกองทัพภาคที่ 3 ได้พิจารณาเห็นว่า พื้นที่บริเวณดอยผาจิ ซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นของ ผกค. หากปล่อยทิ้งไว้เนื่องจากกำลังทหารไม่สามารถจะควบคุมรักษาพื้นที่ได้เป็นระยะเวลายาวนาน ผกค. อาจกลับมาใช้เป็นฐานที่มั่น เพื่อปฏิบัติงานขยายอิทธิพลในพื้นที่แถบนี้อีกควรกำหนดให้เป็นพื้นที่ยุทธพัฒนา โดยให้ดำเนินการเสริมสร้างความมั่นคง ด้วยการก่อสร้างเส้นทางยุทธวิธีและจัดตั้งถิ่นฐานถาวรให้แก่ มวลชนชาวเขาที่เข้ามอบตัว โดยพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมให้ดีขึ้น ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีอนุมัติให้ กรป. กลาง ดำเนินการก่อสร้างเส้นทาง 2 เส้นทาง เมื่อ 1 มิถุนายน 2525 เส้นทางที่ 1 จากบ้านผาตั้ง - บ้านขุนกำลัง - ดอยกิ่ว - ผาวัว ไปสิ้นสุดที่บ้านสบขุ่น อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ระยะทาง 35 กิโลเมตร เส้นทางที่ 2 จากบ้าน พี้เหนือ - น้ำสาว บรรจบเส้นทางสายแรกที่น้ำสาว หรือบ้านสันติสุขในปัจจุบัน ระยะทาง 27 กิโลเมตร สำหรับการจัดตั้ง ถิ่นฐานถาวรของมวลชนชาวเขานั้น กองทัพภาคที่ 3 ได้ขอใช้พื้นที่บริเวณบ้านขุนกำลัง ปัจจุบันในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่ยมและพื้นที่บริเวณลุ่มน้ำสาว ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาช้างจัดเป็นที่ทำกินที่อยู่อาศัยของชาวเขาดังกล่าว โดยขออนุมัติดำเนินการโครงการพัฒนาพื้นที่ดอยผาจิ มีกำหนด 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2526-2528 ต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ผ่านเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติซึ่งได้เสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาและอนุมัติในหลักการของแผนงาน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2525 คณะรัฐมนตรีลงมติอนุมัติให้ดำเนินงานตามโครงการพัฒนาพื้นที่ดอยผาจิ หลังจากที่ส่วนราชการหลายแห่งเข้าร่วมดำเนินงานตามโครงการฯ ดังกล่าว ก็เกิดหมู่บ้านใหม่ขึ้น 2 หมู่บ้าน คือ บ้านขุนกำลัง ซึ่งจัดเป็นที่อยู่อาศัยและทำกินของชาวเขาที่อพยพลงมาจากบ้านฉลองกรุง ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และหมู่บ้านสันติสุขบริเวณลุ่มน้ำสาวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งปัจจุบันได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแล้ว เมื่อจัดตั้งหมู่บ้านทั้งสองดังกล่าว หรือดำเนินงานตามโครงการฯ จนครบกำหนดระยะเวลา 3 ปี กองทัพภาคที่ 3 จึงได้ส่งมอบโครงการพัฒนาพื้นที่ดอยผาจิ ให้จังหวัดพะเยา เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2528 ในระหว่างที่ยังมิได้มีการดำเนินงานจัดตั้งหมู่บ้าน และกำหนดบริเวณที่ทำกินรอบพื้นที่หมู่บ้านทั้งสอง ชาวเขาได้เร่งระดมขยายพื้นที่ทำกินออกไปอย่างมากมาย มีการถางป่าเผาป่ารวมทั้งล่าสัตว์เก็บหาของป่าอย่างรุนแรง ทำให้พื้นที่ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและพื้นที่ใกล้เคียงถูกบุกรุกทำลายเป็นจำนวนหมื่นไร่ ประกอบกับชาวเขาเผ่าแม้วจากหมู่บ้านสบขาม ตำบลควร อำเภอปง ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่นอกเขตฯ ถือโอกาสเข้าบุกรุกทำกินบริเวณแนวเขตฯ ด้านห้วยซอและห้วยน้ำคาง โดยอ้างว่าทางราชการไม่จัดที่ทำกินให้เหมือนกับที่จัดให้ผู้พัฒนาชาติไทยทั้งสองหมู่บ้าน ปัจจุบันศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดพะเยา โดยคณะกรรมการชาวเขาส่วนจังหวัดพะเยา ยังขอให้ทางราชการผ่อนปรนให้ชาวเขาจากบ้านสบขามอาศัยทำกินในบริเวณที่บุกรุกไปพรางก่อนจนกว่าจะจัดหาที่ทำกินแห่งอื่นให้ได้ สำหรับชาวเขาผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ซึ่งทางราชการจัดทำที่ทำกินให้แล้วกลับไม่ยอมทำกินในพื้นที่ที่จัดไว้โดยอ้างปัญหาต่างๆ มากมาย สำหรับชาวเขาบ้านฉลองกรุง ซึ่งทางราชการได้อพยพลงมาปลูกสร้างบ้านเรือนบริเวณบ้านขุนกำลังก็ยังลักลอบไปทำกินในพื้นที่เดิมในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาช้าง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาช้างได้ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อหาวิธีการให้ชาวเขาบ้านขุนกำลังกลับลงมาทำกินในพื้นที่ที่จัดไว้ให้จนกว่าสำเร็จ ชาวเขาบ้านขุนกำลังให้ความร่วมมือไม่กลับขึ้นไปในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาช้างอีกคงมีส่วนน้อยยังคงเข้าไปลักลอบล่าสัตว์และเก็บหาของป่าอยู่บ้าง ก็คงเหลือชาวเขาหมู่บ้านสันติสุข ซึ่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาช้างได้พยายามอย่างยิ่ง ที่จะให้ชาวเขาเหล่านี้ให้ความร่วมมือยินยอม ทำกินอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งล้อมรอบหมู่บ้านและพื้นที่ทำกินของชาวเขาบ้านสันติสุข ต่อไป เหตุผลในการประกาศพระราชกฤษฎีกา เนื่องจากป่าดอยผาช้าง ในท้องที่ตำบลผาช้างน้อย ตำบลงิม ตำบลออย ตำบลควน อำเภอปง ตำบลสระ อำเภอชียงม่วน จังหวัดพะเยา และตำบลถืมตอง อำเภอเมืองน่าน ตำบลป่าคาหลวง กิ่งอำเภอบ้านหลวง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน มีสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน สภาพป่าโดยทั่วไป เป็นป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าดิบเขา มีแหล่งน้ำแหล่งอาหารของสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองหลายชนิดอาศัยอยู่อย่างชุกชุม เช่น เลียงผา กระทิง อีเก้ง กวาง กระจง เสือ หมี ชะมด อีเห็น ฯลฯ และนกชนิดต่างๆ เป็นจำนวนมาก ฉะนั้น เพื่อรักษาไว้ซึ่งพันธุ์สัตว์ป่า และให้เป็น ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัย รวมทั้งเป็นการช่วยป้องกันรักษาต้นน้ำลำธาร และป่าไม้ที่มีอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ให้คงอยู่อย่างถาวรตลอดไป เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาช้าง อยู่ ในท้องที่ตำบลผาช้างน้อย ตำบลงิม ตำบลออย ตำบลควน อำเภอปง ตำบลสระ อำเภอชียงม่วน จังหวัดพะเยา และตำบลถืมตอง อำเภอเมืองน่าน ตำบลป่าคาหลวง กิ่งอำเภอบ้านหลวง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เนื้อที่ประมาณ 360,648.75 ไร่ หรือ 576.75 ตารางกิโลเมตร ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 97 ตอนที่ 208 ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2523 ต่อมาได้ยกเลิกและประกาศใหม่เนื่องจากทางราชการมีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ป่าบางส่วน ซึ่งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาช้าง เพื่ออพยพราษฎรชาวเขาเผ่าม้ง จากหมู่บ้านสันติสุขเข้าไปอยู่อาศัยและทำกินตามโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงบริเวณพื้นที่รอบดอยผาจิก และเพื่อใช้ที่ดินเป็นที่ตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนประกอบกับพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าดอยผาช้างในท้องที่ตำบลผาช้างน้อย ตำบลงิม ตำบลออย ตำบลควน อำเภอปง ตำบลสระ อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา และตำบลถืมตอง อำเภอเมืองน่าน ตำบลป่าคาหลวง กิ่งอำเภอบ้านหลวง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. 2523 ได้ระบุชื่อของท้องที่ ?ตำบลป่าคาหลวง? ซึ่งไม่ได้ปรากฏอยู่ในแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาอยู่ด้วย ในการนี้สมควรกันพื้นที่ป่าดังกล่าวออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และแก้ไขชื่อท้องที่ให้ถูกต้อง ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 105 ตอนที่ 97 ฉบับพิเศษ หน้า 4 ลงวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2531




https://www.youtube.com/watch?v=tz1KcDgjk4A
และนักเรียนโรงเรียนปงรัชดาภิเษก อำเภอปง จังหวัดพะเยา ในการทำวิดีโอ

http://park.dnp.go.th/dnp/scenicpic/9107910700466scene261010_143926.jpg

http://park.dnp.go.th/dnp/scenicpic/9107910700466scene261010_143926.jpg

http://park.dnp.go.th/dnp/scenicpic/9107910700466scene241010_102127.jpg










วนอุทยานภูลังกา


วนอุทธยานภูลังกา




          

                วนอุทยานภูลังกา อยู่ในท้องที่อำเภอเชียงคำและอำเภอปง จังหวัดพะเยา อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำเปื๋อย ป่าน้ำหยวนและป่าน้ำลาว และป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยม มีเนื้อที่ประมาณ 7,800 ไร่ กรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2545

ลักษณะภูมิประเทศ

             •เป็นภูเขาสูงชันอยู่ในเทือกเขาสันปันน้ำ วางตัวอยู่ในแนวตะวันออก-ตะวันตก สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 900-1,720 เมตร มีลำห้วยที่สำคัญ คือ น้ำแม่คะไหลผ่านด้านทิศใต้ ห้วยน้ำต้มและน้ำแม่รูไหลลงน้ำแม่รูทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ห้วยคะแนงและห้วยป่ายางไหลลงน้ำแม่ลาวทางทิศเหนือ ลำห้วยทั้งหมดจะไหลลงสู่แม่น้ำยมต่อไป
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
             • พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบเขาและดงดิบริมห้วย ประมาณ 63 % มีพันธุ์ไม้เด่นได้แก่ไม้ในวงศ์ไม้ก่อ เช่น ก่อเดือย ก่อใบเลื่อม ก่อแป้น ก่อลิ้มและก่อหรั่ง ทะโล้ กำยาน นางพญาเสือโคร่ง และกำลังเสือโคร่ง เป็นต้น ป่าโปร่ง ประมาณ 21 % มีพันธุ์ไม้เด่นที่พบได้แก่ ทะโล้ ไม้ก่อ ค่าหด ช้าแป้น ปอเลียงฝ้าย กางหลวง และเป็นทุ่งหญ้า ประมาณ 16 % มีพันธุ์ไม้จำพวกหญ้าคา เลา หญ้าพง แขม และสาบแล้งสาบกา เป็นต้น
             • ในอดีตพื้นที่บริเวณไหล่เขาใกล้ยอดดอยเคยเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นในปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการทดแทนทางธรรมชาติและเป็แหล่งต้นน้ำชั้น 1A เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำยม
             • สัตว์ป่าที่พบได้แก่ เก้ง หมูป่า เลียงผา อ้นเล็ก กระจงเล็ก กระแตใหญ่เหนือ กระรอก เสือโคร่ง เสือดาว หมี ชะมด อีเห็น และสัตว์จำพวกนกและสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ
แหล่งท่องเที่ยว
             • ดอยภูนม เป็นสันเขาแคบๆทอดตัวต่อลดหลั่นมาจากดอยภูลังกา เป็นยอดดอยหัวโล้นมีหญ้าปกคลุมและลมพัดแรงบนยอดสามารถชมทิวทัศน์ได้รอบโดยเฉพาะทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้นและตก
             • ดอยภูลังกา เป็นสันเขาแคบๆ ด้านตะวันตกเป็นป่าดงดิบเขาด้านทิศตะวันออกเป็นหน้าผาสูงชันมีหญ้าปกคลุมและลมพัดแรง เมื่อขึ้นไปบนยอดดอยชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้าได้สวยงาม และสามารถมองเห็นประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
            • ดอยหัวลิง ถ้ามองทางทิศเหนือหรือใต้จะเห็นยอดดอยคล้ายหัวลิงหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้านตะวันตกเป็นป่าดงดิบเขาด้านทิศตะวันออกเป็นหน้าผาสูงชันมีหญ้าปกคลุมและลมพัดแรง เหมาะสำหรับชมทะเลหมอกและ พระอาทิตย์ขึ้น
บ้านพัก-บริการ
            • วนอุทยานภูลังกาไม่มีบ้านพักหรือค่ายพักแรมบริการแก่นักท่องเที่ยว หากนักท่องเที่ยวมีความประสงค์จะไปพักแรมค้างคืนเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ หรือศึกษาหาความรู้ทางธรรมชาติ โปรดนำเต็นท์และเตรียมอาหารไปเอง โดยทางวนอุทยานได้จัดสถานที่ไว้ให้พร้อมกับห้องสุขา ให้ไปติดต่อขออนุญาตใช้สถานที่กับเจ้าหน้าที่ที่วนอุทยานภูลังกาโดยตรง
การเดินทาง
            • รถยนต์ การเดินทางไปวนอุทยานภูลังกามี 3 เส้นทาง ดังนี้
                           1.เดินทางจากอำเภอเมืองเชียงรายตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1148 ถึงอำเภอเทิง ระยะทาง 64 กิโลเมตร จากอำเภอเทิงถึงอำเภอเชียงคำ 26 กิโลเมตร ไปบ้านทุ่งหล่มใหม่ 8 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางทิศเหนือถึงบ้านแฮะ 12 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปอีก 5 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางทิศเหนือถึงวนฯ 12 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งหมด 127 กิโลเมตร
                           2.เดินทางจากจังหวัดพะเยาผ่านอำเภอปงถึงแยกทางเข้าอำเภอเชียงคำตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1092 ระยะทาง 104 กิโลเมตร แล้วเดินทางต่ออีก 3 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1148 เลี้ยวซ้ายไปทางทิศเหนือถึงวนฯ 12 กิโลเมตร รวมระยะทาง 119 กิโลเมตร

                           3.เดินทางจากอำเภอเมืองน่านถึงอำเภอท่าวังผาตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข1080 ระยะทาง 43 กิโลเมตร เดินทางไปทางเหนือแล้วเลี้ยวขวาไปอำเภอสองแถวตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1148 ระยะทาง 33 กิโลเมตร จากอำเภอสองแถวถึงอำเภอเชียงคำแล้วเดินทางต่อไปถึงวนฯ 71 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งหมด 147 กิโลเมตร





http://www.oceansmile.com/N/Phayao/picphayao1/py-032.jpg
https://mahapunt.wordpress.com/2008/12/21/21122008-phu-langka/#jp-carousel-1717
https://mahapunt.wordpress.com/2008/12/21/21122008-phu-langka/#jp-carousel-1717





พระธาตุดอยหยวก

พระธาตุดอยหยวก



http://images.thaiza.com/37/37_20110525101952.


                 เมื่อครั้งพุทธกาลสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมายังดอยภูเดิม พญานาคที่รักษาดอยนี้คิดว่าเป็นองค์พระยาครุฑจึงแทรกกายหนีครั้นได้ฟังธรรมจากพระองค์พญานาคจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธองค์  สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงมอบพระเกศาให้ และตรัสกับพระอานนท์ว่า เมื่อพระตถาคตนิพพานแล้ว ให้นำกระดูกริมตาขวามาไว้รวมกับพระเกศานั้น กาลข้างหน้าจะมีชื่อว่าพระธาตุภูเติม  จึงมีการสร้างพระธาตุและบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมสารีริกธาตุที่เป็นกระดูกตาขวาไว้ภายใน ต่อมาเรียกภายหลังว่า พระธาตุดอยหยวก  วัดพระธาตุดอยหยวกเป็นวัดที่มีความสำคัญของจังหวัดพะเยาวัดหนึ่งตั้งอยู่ที่บ้านหนุน ตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา  การเดินทางจากพะเยาผ่านอำเภอดอกคำใต้มุ่งหน้าสู่อำเภอจุน ใช้ทางหลวงหมายเลข 1091 ไปทางอ.ปง  ก่อนจะถึงตัวอำเภอปงจะมีทางแยกขวามุ่งหน้าสู่อำเภอเชียงม่วนให้เลี้ยวขวาไปทางอำเภอเชียงม่วนไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตรวัดพระธาตุดอยหยวกอยู่ทางขวามือ  วัดพระธาตุดอยหยวกมีความงดงามทางด้านศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของพะเยา     เจดีย์สีทอง มีซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสี่ทิศ ประดับกระจกสีตามซุ้มและฐานองค์ระฆัง ส่วนยอดเป็นฉัตรทองที่มุมทั้งสี่มีเจดีย์บริวาร วิหารเป็นทรงล้านนา หลังไม่ใหญ่แต่งดงามมีเสน่ห์ เป็นศิลปะแบบทางเหนือ หลังคามุงด้วยแป้นเกล็ด หน้าบรรณแกะสลักเป็นลายพรรณพฤกษาและดอกแก้ว ใบระกามีสีทอง หางหงส์เป็นไม้แกะสลักรูปพญานาคสีเขียว เชิงเทินเป็นไม้แกะสลักรูป 12 นักษัตรและรูปช้าง
                  วัดพระธาตุดอยหยวกเป็นวัดที่มีความสำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดพะเยา เป็นวัดที่มีความงดงามทางด้านศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะมีกลิ่นอายเสน่ห์ของความเป็นล้านนาและที่สำคัญเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าท่านมีโอกาสได้เดินทางมาเยือนอำเภอปง จังหวัดพะเยา  อย่าพลาดมาเที่ยวชมวัดพระธาตุดอยหยวกและมากราบสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีอยู่ในแดนดินพะเยา




หางหงส์ที่มีรูปแบบของงานศิลปะเฉพาะ

ความงามของงานศิลปกรรมวัดพระธาตุดอยหยวก


ความงามของหางหงส์วัดพระธาตุดอยหยวก

ซุ้มประตูวัดพระธาตุดอยหยวก

พญานาคทางขึ้นวัดพระธาตุดอยหยวก

พระประธานภายในวิหารวัด

ลวดลายบนเพดานวิหารวัด

ลวดลายไม้แกะสลักหน้าบันวิหารวัด

วิหารวัดที่มีรูปแบบความงามเฉพาะของงานศิลปกรรม

เจดีย์วัดพระธาตุดอยหยวก



แหล่งที่มา : http://www.phayao108.com










ประวัติอำเภอปง

ประวัติอำเภอปง    



https://th.wikipedia.org/wiki/media/File:Amphoe_5606.svg

               คำว่า  ปง  สำเนียงตามภาษาท้องถิ่นว่า ป๋ง แปลว่า  วางไว้ก่อน ตามตำนานพระธาตุดอยหยวกได้รากศัพท์เดิมมาจากคำว่า  ปลงโทษ หรือ สมาโทษ โดยในสมัยพุทธกาลได้มีพญานาคของ ปลงโทษ ต่อพระพุทธเจ้า   ต่อมาภายหลังได้สร้างพระธาตุดอยหยวกและสร้างเมืองขึ้น เรียกว่า เมืองป๋ง

               อำเภอปง  มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดพะเยา   เดิมเป็นกิ่งอำเภอ เรียกว่า กิ่งอำเภอปง ขึ้นอยู่กับ อำเภอเชียงคำ จังหวัดเชียงราย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2456 ได้รับประกาศฐานะเป็นอำเภอปง และได้โอนไปขึ้นกับ จังหวัดน่าน ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2463 ได้เปลี่ยนชื่อจากอำเภอปง เป็น อำเภอบ้านม่วง และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2486 กระทรวงมหาดไทย ได้ปรับปรุงท้องที่ต่างๆทั่วประเทศ ก็ได้เปลี่ยนชื่ออำเภอบ้านม่วง มาเป็น อำเภอปง อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อให้ตรงกับชื่อของตำบลซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอปง   ต่อมาเมื่อวันที่  19  กุมภาพันธ์  2496  กระทรวงมหาดไทย    ได้โอนพื้นที่การปกครองอำเภอปง ขึ้นอยู่กับจังหวัดน่าน ไปขึ้นอยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดเชียงราย อีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่  20  สิงหาคม   2520   ได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดพะเยา  และได้โอนอำเภอปง จากการปกครองของจังหวัดเชียงราย ให้มาขึ้นอยู่ในปกครองของจังหวัดพะเยา จนถึงปัจจุบัน

               อำเภอปง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดพะเยา พิกัด พีบี 344182 และอยู่ห่างจากตัวจังหวัดพะเยา ตามเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1091 ประมาณ 79 กิโลเมตร                                 

               อำเภอปง มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 1,783.452 ตารางกิโลเมตร หรือ 1,041,250 ไร่ และคิดเป็นร้อยละ  26.17  ของพื้นที่จังหวัดพะเยา


อาณาเขต

               อำเภอปง มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอและจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้.-

                                    - ทิศเหนือ         ติดต่อกับ  อำเภอจุน,อำเภอเชียงคำ  จังหวัดพะเยา

                                    - ทิศตะวันออก   ติดต่อกับ  อำเภอสองแคว, อำเภอท่าวังผา  จังหวัดน่าน

                                     - ทิศตะวันตก     ติดต่อกับ  อำเภอดอกคำใต้, อำเภอจุน  จังหวัดพะเยา

                                      - ทิศใต้            ติดต่อกับ  อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา, อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน


     

ลักษณะภูมิประเทศอำเภอปง

               ลักษณะภูมิประเทศอำเภอปง มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาและป่าไม้ล้อมรอบอย่างหนาแน่น มีพื้นที่ราบลุ่มลักษณะคล้ายก้นกะทะเป็นแห่ง ๆ    มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ระหว่าง  200 - 1,000  เมตร ส่วนบริเวณที่ราบสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยเฉลี่ยประมาณ 416 เมตร







****พอเรามารู้จักประวัติของอำเภอปงแล้วนะครับ
                                           เราจะมาทำความรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอปงกันเลยน่ะครับ****



    

                        ในอำเภอเล็กๆ ท่ามกลางหูบเขา ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย  แต่วันนี้ผมขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่บนคำขวัญอำเภอปง  และวัฒนธรรมต่างๆในอำเภอ  รวมทั้งอาหารของชาวอำเภอปงครับ   เราไปกันเลยยยย



พระธาตุดอยหยวกคู่เมือง
งามลือเลื่องภูลังกา
รักสัตว์ป่าดอยผาช้าง
ถ้ำผาตั้งตระการตา
ตาดซาววางามล้ำเลิศ
แหล่งกำเนิดแม่น้ำยม






แหล่งที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=dXP4kqydB9Q